การรายงานของ CRM คืออะไร

ลองนึกถึงการรายงานการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ว่าเป็นเครือข่ายระบบประสาทสำหรับธุรกิจของคุณ ซึ่งเสนอข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้า แนวโน้มการขาย และประสิทธิภาพทางการตลาด แปลงข้อมูลดิบให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่สามารถดำเนินการได้ ช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง ลองนึกว่าเป็นเครื่องมือวิเศษที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณก้าวหน้า เหมือนลูกแก้ววิเศษ

มาเจาะลึกกันว่าอะไรที่ทำให้รายงาน CRM กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับธุรกิจในปัจจุบัน รวมถึงประโยชน์บางประการ และกลไกการทำงานของทั้งหมด

สิ่งที่เราจะกล่าวถึง มีดังนี้

• การรายงานของ CRM คืออะไร
• ความสำคัญของการรายงานของ CRM
• ประโยชน์ของการรายงานของ CRM
• การทำรายงานของ CRM ทำงานอย่างไร
• รายงานของ CRM ที่จำเป็นต้องติดตาม
• 6 ฟีเจอร์หลักของรายงาน CRM
• วิธีตั้งค่ารายงาน CRM ของคุณ

การรายงานของ CRM คือกระบวนการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบ CRM เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมและสถานะทางธุรกิจของลูกค้า รายงานจะแสดงว่าใครบ้างที่มีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ ยอดขายของคุณเป็นอย่างไร และการดำเนินงานโดยรวมของคุณเป็นอย่างไร และเมื่อคุณใช้ AI CRM คุณจะได้รับข้อมูลเชิงลึกมากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากข้อมูลลูกค้าให้ได้มากที่สุด

รายงานและการวิเคราะห์ของ CRM ช่วยให้ทีมข้อมูล การขาย การบริการ การตลาด และ การค้าได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับลูกค้าที่ปรับแต่งมา ซึ่งสามารถขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง รายงานเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด การปรับปรุงความสัมพันธ์กับลูกค้า และปรับแต่งกลยุทธ์การขายของคุณ

(กลับขึ้นด้านบน)

การรายงานของ CRM ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของข้อมูลลูกค้าทั้งหมด ประสิทธิภาพการขาย รวมถึงประสิทธิภาพด้านคอนเทนต์และการตลาดของคุณ รายงานเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถมองเห็นแนวโน้ม คอยสังเกตเมตริกที่สำคัญ รับข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI และตัดสินใจอย่างชาญฉลาดที่ส่งเสริมการเติบโตและทำให้ลูกค้าพึงพอใจ

บริษัทต่างๆ จะสามารถระบุแนวโน้ม ติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพที่สำคัญ (KPI) และตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูล ซึ่งจะผลักดันการเติบโตและความพึงพอใจของลูกค้าโดยใช้ประโยชน์จากรายงาน CRM เหมือนกับมีแผนที่นำทางสู่ความสำเร็จอยู่ในมือของเรา

(กลับขึ้นด้านบน)

อย่างที่คุณอาจเดาได้แล้ว CRM มีประโยชน์มากมาย รวมไปถึงการรายงานที่ให้มาด้วย นี่เป็นประโยชน์บางส่วนที่จะช่วยคุณเริ่มต้น

• การตัดสินใจที่ได้รับการสนับสนุนจากข้อมูล: รายงาน CRM มอบข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าที่ช่วยให้คุณตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจของคุณอย่างมีข้อมูล
• ความเข้าใจลูกค้าที่ดีขึ้น: คุณจะเห็นภาพความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยปรับแต่งบริการให้ตรงตามความคาดหวังของลูกค้า
• เพิ่มประสิทธิภาพการขาย: การติดตามข้อมูลการขายจะช่วยให้คุณระบุได้ว่าอะไรได้ผลและอะไรไม่ได้ผล ทำให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์การขายให้เหมาะสม
• การจัดสรรทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ: รายงานช่วยให้คุณเห็นว่าทรัพยากรของคุณได้รับการนำไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพที่จุดใด และควรจัดสรรที่จุดใดให้ดีขึ้น
• เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า: ด้วยข้อมูลการโต้ตอบกับลูกค้าโดยละเอียด คุณสามารถปรับปรุงการบริการลูกค้าและแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
• ประสิทธิภาพทางการตลาด: รายงาน CRM ช่วยให้คุณวัดความสำเร็จของแคมเปญการตลาดของตนเองได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถเน้นที่สิ่งที่จะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
• การดำเนินงานที่ได้รับการปรับปรุง: การระบุคอขวดและจุดที่ไม่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจเพื่อการดำเนินงานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น
• การคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล: รายงานที่แม่นยำช่วยให้คุณคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตและวางแผนได้อย่างเหมาะสม ช่วยให้คุณมีความได้เปรียบทางการแข่งขัน
• ความรับผิดชอบและความโปร่งใส: รายงาน CRM จะให้บันทึกกิจกรรมและประสิทธิภาพที่ชัดเจน ส่งเสริมความรับผิดชอบภายในทีมของคุณ
• การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง: การรายงานเป็นประจำจะช่วยให้คุณตรวจสอบและปรับปรุงกลยุทธ์และการดำเนินงานทางธุรกิจของตนเอง

(กลับขึ้นด้านบน)

หากต้องการนำการรายงานของ CRM ไปใช้ในธุรกิจของคุณ การได้มองเห็นก่อนว่าทุกสิ่งทำงานอย่างไรจะเป็นประโยชน์ การรายงาน CRM โดยทั่วไปมีสี่ขั้นตอนดังต่อไปนี้

ระบบ CRM รวบรวม ข้อมูล จากแหล่งที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการโต้ตอบของลูกค้ากับ ตัวแทน AI และตัวแทนที่เป็นมนุษย์ ธุรกรรมการขาย และแคมเปญทางการตลาด เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีมุมมองที่ครอบคลุมของการดำเนินธุรกิจ กระบวนการรวบรวมข้อมูลนี้เป็นแบบต่อเนื่องและอัตโนมัติ โดยเก็บทุกรายละเอียดที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจทางธุรกิจของคุณ

ข้อมูลที่รวบรวมจะได้รับการวิเคราะห์อย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อค้นหารูปแบบที่ซ่อนอยู่ระบุแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น และตรวจพบความผิดปกติใดๆ ที่อาจต้องได้รับการแก้ไข เครื่องมือการวิเคราะห์ขั้นสูงภายในระบบ CRM ใช้ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อคัดกรองข้อมูล ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกที่ยากต่อการแยกแยะด้วยตนเอง

รายงานจะสร้างขึ้นตามข้อมูลที่วิเคราะห์ โดยใช้เทมเพลตที่กำหนดไว้ล่วงหน้าหรือคิวรีที่กำหนดเองเพื่อนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่ชัดเจนและมีโครงสร้าง สามารถปรับแต่งรายงานเหล่านี้ให้ตรงตามความต้องการเฉพาะได้ โดยให้มุมมองเฉพาะของข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่สุดกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่แตกต่างกัน

ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบรายงานที่สร้างขึ้นอย่างรอบคอบเพื่อตีความข้อมูลเพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพของธุรกิจและพฤติกรรมของลูกค้าได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการตามข้อมูลที่ได้รับเพื่อปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และขับเคลื่อนการเติบโตโดยอิงตามการตีความของตนเอง

(กลับขึ้นด้านบน)

ไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดกลาง (SMB) หรือเป็นองค์กรที่กำลังเติบโต เราก็มีฟีเจอร์สำคัญๆ ที่ CRM ทุกตัวควรจะสามารถรายงานได้ นี่เป็นรายงานของ CRM ที่จำเป็นต้องติดตามบางส่วน

รายงานเหล่านี้ช่วยให้คุณมองเห็นได้ชัดเจนว่าทีมขายของคุณเป็นอย่างไร โดยมีฟีเจอร์ เช่น การติดตามเป้าหมายการขาย การวัดอัตราการแปลง และการติดตามรายได้ คุณสามารถเปรียบเทียบตัวเลขยอดขายจริงกับเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย และดูว่าคุณบรรลุเป้าหมายตรงไหน หรือต้องปรับปรุงตรงไหน พร้อมด้วยคำแนะนำการขายที่ขับเคลื่อนด้วย AI เหมือนกับกระดานคะแนนสดสำหรับทีมขายของคุณ และมีโค้ชส่วนตัวที่ช่วยให้คุณตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

รายงานเหล่านี้มอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของลูกค้าที่มีต่อธุรกิจของคุณ โดยมีข้อมูลเชิงลึกและเมตริก AI เช่น ความถี่ในการสื่อสารกับลูกค้า เวลาตอบสนอง และระดับความพึงพอใจ คุณสามารถติดตามลูกค้าที่พึงพอใจและระบุด้านที่ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้าได้ คิดว่าเป็นคะแนนความพึงพอใจของลูกค้าแบบเรียลไทม์ที่คุณปรับด้วยการปรับแต่งโดยอาศัยข้อมูล

คงจะดีไม่น้อยใช่ไหม หากมีการรายงานผลโดยละเอียดสำหรับกลยุทธ์การตลาดของคุณ ซึ่งจะช่วยแนะนำให้คุณลงทุนในสิ่งที่ได้ผลดีที่สุด รายงานเหล่านี้ช่วยให้คุณประเมินความสำเร็จของความพยายามทางการตลาดของตน โดยมีฟีเจอร์เช่น การติดตามการมีส่วนร่วมในแคมเปญ อัตราการแปลง และผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ความช่วยเหลือของ AI ช่วยให้คุณสามารถดูได้ว่าแคมเปญใดที่มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม และแคมเปญใดที่อาจต้องปรับปรุงเล็กน้อย ทั้งหมดนี้ในขณะที่แคมเปญยังคงดำเนินอยู่ ดังนั้นคุณจึงสามารถปรับงบประมาณได้แบบเรียลไทม์

รายงานเหล่านี้เปรียบเสมือน GPS สำหรับไปป์ไลน์การขายของคุณ ที่คอยแจ้งให้คุณทราบว่าลูกค้ามุ่งเป้าหมายไปที่ใด

ซึ่งให้ภาพรวมของไปป์ไลน์การขาย ช่วยให้คุณติดตามความคืบหน้าของแต่ละโอกาส ในขณะที่ดำเนินไปตามกระบวนการขาย ฟีเจอร์ ได้แก่ ขนาดข้อตกลง วันปิดข้อตกลงที่คาดไว้ และโอกาสในการชนะ ช่วยให้คุณคาดการณ์การขายได้แม่นยำยิ่งขึ้น เปรียบเสมือน GPS สำหรับไปป์ไลน์การขายของคุณ ที่คอยแจ้งให้คุณทราบว่าลูกค้ามุ่งเป้าหมายไปที่ใด

รายงานเหล่านี้ช่วยให้คุณเข้าใจและต่อสู้กับปัญหาการสูญเสียลูกค้า โดยมีตัวชี้วัดเช่น อัตราการเสียลูกค้า มูลค่าตลอดอายุลูกค้า และกลุ่มการรักษาลูกค้า คุณสามารถวิเคราะห์ว่าเหตุใดลูกค้าจึงเลิกใช้บริการ และประเมินประสิทธิผลของกลยุทธ์การรักษาลูกค้าของตนเอง รายงานนี้เป็นวิธีติดตามลูกค้า ช่วยให้คุณสร้างความสัมพันธ์อันยาวนานและทำให้ธุรกิจของคุณเติบโต

(กลับขึ้นด้านบน)

เมื่อพูดถึงการรายงาน CRM จำเป็นต้องมี 6 ฟีเจอร์หลักเพื่อช่วยให้คุณจัดระเบียบและส่งเสริมให้ทีมของคุณตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูล

ตั้งแต่การปรับใช้ รายงาน CRM ควรมีความยืดหยุ่นเพื่อสร้างรายงานที่ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะทางธุรกิจของคุณได้ คุณสามารถเลือกเมตริกที่มีความสำคัญที่สุดสำหรับคุณ เพื่อให้แน่ใจว่ารายงานของคุณมีความเกี่ยวข้องและมีข้อมูลเชิงลึกอยู่เสมอ การปรับแต่งนี้ทำให้คุณสามารถเป็นผู้ออกแบบรายงานของตัวเองได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูลซึ่งส่งผลต่อธุรกิจของคุณได้จริง

ระบบ CRM สมัยใหม่สามารถบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อปรับปรุงความสามารถในการรายงานของคุณได้ AI ช่วยคาดการณ์แนวโน้ม ระบุรูปแบบ และให้ข้อมูลเชิงลึกดำเนินการที่อาจไม่มีใครสังเกตเห็นได้ในกรณีอื่น จึงเหมือนมีผู้ช่วยอัจฉริยะหรือตัวแทนที่ทำงานอัตโนมัติจริงๆ ที่จะวิเคราะห์ข้อมูลของคุณอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้คุณก้าวล้ำหน้าคู่แข่ง

รายงาน CRM ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดและทำให้แน่ใจว่าการตัดสินใจของคุณจะอาศัยข้อมูลล่าสุดเสมอ การอัปเดตแบบเรียลไทม์ช่วยให้คุณตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดหรือพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

รายงาน CRM ใช้เครื่องมือแสดงภาพที่หลากหลาย เช่น แผนภูมิ กราฟ และแดชบอร์ด เพื่อทำให้ข้อมูลเข้าใจได้ง่าย การแสดงภาพช่วยให้คุณระบุแนวโน้มได้อย่างรวดเร็ว เปรียบเทียบเมตริก และสื่อสารข้อมูลเชิงลึกได้อย่างมีประสิทธิผล เป็นดั่งสตอรี่บอร์ดสำหรับข้อมูลของคุณที่ทุกคนสามารถติดตามได้

รายงาน CRM สามารถบูรณาการกับเครื่องมือและแพลตฟอร์มทางธุรกิจอื่นๆได้อย่างราบรื่น จึงสร้างมุมมองแบบรวมศูนย์ของการดำเนินงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์การตลาดอัตโนมัติ ระบบบัญชี หรือแพลตฟอร์มการบริการลูกค้า การบูรณาการจะช่วยให้แน่ใจว่าข้อมูลทั้งหมดของคุณซิงค์กัน ร่วมกันสร้างศูนย์กลางที่ข้อมูลทางธุรกิจทั้งหมดของคุณมารวมกัน ทำให้เวิร์กโฟลว์ของคุณราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

(กลับขึ้นด้านบน)

การตั้งค่ารายงาน CRM เป็นกระบวนการเชิงกลยุทธ์ที่เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้องจะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าสำหรับการเติบโตทางธุรกิจได้ การเลือกเมตริกที่ถูกต้อง ปรับแต่งรายงานให้ตรงตามความต้องการของคุณ และพึ่งพาข้อมูล จะทำให้คุณมีความพร้อมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทีมของคุณ

การตั้งค่าการรายงานของ CRM มีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. วัตถุประสงค์ของคุณ: ระบุอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่คุณต้องการบรรลุด้วยรายงาน CRM
2. ระบุเมตริกของคุณ: กำหนด KPI ที่มีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายทางธุรกิจของคุณมากที่สุด
3. เลือกเครื่องมือ: เลือกเครื่องมือรายงาน CRM ที่ตอบโจทย์ ซึ่งมีฟีเจอร์ที่คุณต้องการ
4. กำหนดค่ารายงานของคุณ: ตั้งค่าและกำหนดค่ารายงานของคุณตามเมตริกและวัตถุประสงค์ที่ระบุ
5. ตั้งค่าการฝึกอบรม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทีมของคุณได้รับการฝึกอบรมเพื่อใช้เครื่องมือการรายงานอย่างมีประสิทธิภาพ
6. ตรวจสอบ ตรวจสอบ แล้วก็ตรวจสอบ: กำหนดตารางตรวจสอบรายงานเป็นประจำเพื่อติดตามความคืบหน้าและทำการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น

หากทำตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณจะสามารถกำหนดระบบการรายงานของ CRM ที่ทรงพลัง ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าและขับเคลื่อนความสำเร็จทางธุรกิจได้ ดูว่า CRM ของเราทำงานอย่างไรด้วยการทดลองใช้ Salesforce ฟรี รวมถึง การทดลองใช้ Tableau ฟรี หากคุณต้องการเจาะลึกการรายงานของ CRM เพิ่มเติม

(กลับขึ้นด้านบน)

ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ CRM หรือไม่ เข้าร่วมหลักสูตร CRM ฟรีของเราและพัฒนาทักษะของคุณ

Caylin White เป็นหัวหน้าบรรณาธิการและผู้จัดการการเติบโตสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ Salesforce เธอเขียนเนื้อหาให้กับอุตสาหกรรม SaaS หลายแห่ง เช่น WordPress และ BuzzSumo มาเป็นเวลา 15 ปีเชี่ยวชาญด้าน SEO แต่ไม่ลืมเพิ่มมุมมองที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางให้กับงานเขียนทุกชิ้น