8 แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ CRM สำหรับธุรกิจของคุณ
CRM ช่วยให้บริษัทของคุณมีมุมมองเดียวเกี่ยวกับเส้นทางลูกค้า ขจัดความสับสนกับข้อมูลที่จัดเก็บในไซโล นี่คือวิธีที่คุณสามารถใช้ CRM ของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
Justin Lafferty, บรรณาธิการอาวุโส, SEO
CRM ช่วยให้บริษัทของคุณมีมุมมองเดียวเกี่ยวกับเส้นทางลูกค้า ขจัดความสับสนกับข้อมูลที่จัดเก็บในไซโล นี่คือวิธีที่คุณสามารถใช้ CRM ของคุณได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
Justin Lafferty, บรรณาธิการอาวุโส, SEO
ลองนึกภาพทีมฟุตบอลที่ผู้เล่นแต่ละคนใช้แผนการเล่นของตนเอง ไม่มีการทำงานเป็นทีม มีแต่ความโกลาหล นั่นคือความรู้สึกเมื่อข้อมูลลูกค้าของคุณอยู่ในไซโล วุ่นวายและไม่เชื่อมโยงกัน การมีแพลตฟอร์ม การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) ที่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดไว้ในที่เดียว สามารถทำให้บริษัทของคุณเดินหน้าไปได้เหมือนทีมที่เป็นแชมป์ แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ CRM เหล่านี้ จะทำให้คุณจะทำงานร่วมกันจากชุดข้อมูลเดียวกันและสนับสนุนลูกค้าได้ดีขึ้น
บริษัททั่วไปใช้แอปพลิเคชันมากกว่า 1,000 แอปพลิเคชันเพื่อจัดการธุรกิจของตน ปัญหาคือแอปเหล่านี้ 70% ไม่ทำงานร่วมกัน ตามรายงานการเชื่อมต่อของ Salesforce
การมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีนั้นเป็นเรื่องยาก หากคุณไม่มีมุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับข้อมูลของลูกค้าและการโต้ตอบในธุรกิจของคุณ แม้ว่าคุณจะมีโซลูชันสำหรับแต่ละทีม แต่แอปเหล่านี้มักจะไม่เชื่อมต่อกันและทำให้เกิดไซโลข้อมูลซึ่งนำไปสู่ประสบการณ์ของลูกค้าที่ไม่ต่อเนื่อง CRM ที่มีการปรับใช้งานอย่างดีสามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้โดยให้ทุกคนในธุรกิจของคุณได้เห็นข้อมูลลูกค้าแบบรวมศูนย์
สิ่งนี้มีประโยชน์ เพราะเมื่อลูกค้าติดต่อบริษัทของคุณ พวกเขาก็คงไม่อยากตอบคำถามพื้นฐานเดียวกันซ้ำๆ พวกเขาแค่ต้องการวิธีแก้ปัญหา และนี่คือแนวทางปฏิบัติ CRM ที่ดีที่สุด 8 ประการที่จะช่วยให้คุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุน
สิ่งที่เราจะกล่าวถึง มีดังนี้
เรียนรู้ทุกสิ่งที่จำเป็นเกี่ยวกับการค้นหา การชนะข้อตกลง และการรักษาลูกค้าด้วยคู่มือ CRM สำหรับผู้เริ่มต้น
ไม่ใช่ว่าทุก CRM จะถูกสร้างขึ้นมาเหมือนกัน หากคุณเลือกใช้ CRM โดยไม่ศึกษาขีดความสามารถ (และจุดอ่อน) ของระบบอย่างเหมาะสม คุณอาจต้องใช้ระบบที่ไม่สามารถช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้
สิ่งที่ควรคำนึงถึงมีดังนี้
คุณต้องการ CRM ที่ต้องมีสัญญาการให้บริการหรือต้องเสียค่าติดตั้งล่วงหน้ามากกว่ากัน องค์กรของคุณต้องการฟีเจอร์ที่ปรับแต่งได้สูงและมีรายละเอียดเชิงลึกหรือไม่ หรือแค่ฟังก์ชันพื้นฐานก็เพียงพอแล้ว CRM จะสามารถปรับขนาดและเติบโตไปพร้อมกับธุรกิจของคุณได้หรือไม่ หรือคุณจะต้องเริ่มมองหาโซลูชันอื่นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ใช้เวลาและชั่งน้ำหนักตัวเลือกทั้งหมดของคุณ และดูว่าคุณต้องการอะไรก่อนที่จะตัดสินใจขั้นสุดท้าย
เมื่อคุณเลือกซอฟต์แวร์ CRM ที่เหมาะกับองค์กรของคุณแล้ว ก็ถึงเวลาตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป้าหมาย CRM ของคุณสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจโดยรวมของคุณ กำหนดเป้าหมายที่วัดผลได้และสมจริงเกี่ยวกับวิธีที่คุณต้องการให้ CRM ช่วยให้ทีมของคุณประสบความสำเร็จ เมื่อเวลาผ่านไป คุณสามารถติดตามเป้าหมายเหล่านั้นและปรับเปลี่ยนตามความจำเป็นได้
CRM สามารถช่วยคุณได้หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณเลือก CRM ที่ขับเคลื่อนด้วย Artificial Intelligence (AI)
ตัวอย่างเช่น CRM สามารถช่วยปรับปรุงเส้นทางผู้ซื้อ ตั้งแต่ขั้นตอนการค้นหาลูกค้าเป้าหมาย การได้มาซึ่งลูกค้า และไปจนถึงการจัดการบริการลูกค้า เมื่อคุณวางแผนเส้นทางนั้นใน CRM แล้ว ก็สามารถติดตามได้ว่าคุณบรรลุเป้าหมายตรงไหน และคุณพลาดตรงไหนไป
CRM ยังช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพได้ด้วยความสามารถในการประหยัดเวลาโดยการทำให้กระบวนการต่างๆ เป็นระบบอัตโนมัติ เช่น การติดต่อลูกค้า การติดตามหลังการซื้อ การออกใบแจ้งหนี้ และอีกมากมาย การกำหนดค่าที่เหมาะสม ทำให้ CRM ของคุณสามารถปรับปรุงต้นทุนการได้มาและรักษาลูกค้าได้ คุณสามารถให้ CRM ดึงและส่งรายงานโดยอัตโนมัติเป็นประจำได้ โดยจะอัปเดตข้อมูลเมตริกที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณโดยอัตโนมัติ
การกำหนดเป้าหมาย CRM จะทำให้คุณสามารถดูได้ว่าการแบ่งกลุ่มและการปรับแต่งเฉพาะบุคคลช่วยเพิ่มการตอบรับในแคมเปญการตลาดได้อย่างไร ทีมขายปิดการขายได้เพิ่มขึ้นเท่าไร และใช้เวลาน้อยลงเพียงใด ฝ่ายบริการลูกค้าของคุณสามารถโฟกัสไปที่เคสที่มีความสำคัญสูงได้ เนื่องจาก AI CRM เช่น Salesforce จะใช้ตัวแทน AI, บทความฐาน Knowledge ที่สร้างโดย AI และแชทบอทเพื่อจัดการงานเล็กๆ น้อยๆ และตรวจสอบประวัติเคสอย่างรวดเร็วเพื่อปรับปรุงการโต้ตอบการบริการ
ก่อนที่องค์กรของคุณจะเริ่มใช้ CRM คุณต้องสร้างกลยุทธ์การปรับใช้งานก่อน แผนนี้ควรมีระยะเวลา ขอบเขตที่กำหนดไว้ ทรัพยากรที่คุณจัดสรรให้กับการปรับใช้งาน และเมตริกที่คุณจะติดตาม
จากนั้น คุณสามารถปรับแต่ง CRM ให้ตรงตามความต้องการของคุณเองและโอนย้ายข้อมูลของคุณไปยังโปรแกรมใหม่นี้ โดยตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ย้ายรายการที่เกี่ยวข้อง เช่น ประวัติลูกค้า บันทึกการขาย และการโต้ตอบการบริการ
เมื่อเปิดใช้งานแล้ว CRM และพนักงานของคุณได้ใช้งานตามที่กำหนด อย่าลืมประเมินประสิทธิภาพการทำงานและรับฟังคำติชมจากทีมของคุณ
หากกระบวนการนี้ดูยุ่งยากเกินไป คุณสามารถให้ ปรับแต่ง CRM ให้ตรงกับความต้องการเฉพาะของบริษัทคุณได้ ไม่ใช่แค่การตั้งค่าบัญชีและรหัสผ่านใหม่เท่านั้น แต่พาร์ทเนอร์ด้านการปรับใช้งานปรับแต่ง CRM ให้เป็นไปตามมาตรฐานและฝึกอบรมพนักงานของคุณ ออกแบบเวิร์กโฟลว์ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับลูกค้า
การเปลี่ยนแปลงอาจเป็นเรื่องยาก แต่ยิ่งคุณให้การฝึกอบรมได้มากเท่าใด โอกาสที่พนักงานของคุณจะใช้ CRM เป็นประจำก็จะมากขึ้นเท่านั้น
CRM เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าต่อไปได้ แต่ต้องปรับแต่งให้เหมาะกับเวิร์กโฟลว์และกระบวนการเฉพาะของคุณเพื่อให้ได้รับประโยชน์
CRM สามารถเชื่อมต่อกับโปรแกรมอื่นๆ ที่ทีมของคุณใช้ทุกวัน เช่น อีเมล ปฏิทิน ระบบอัตโนมัติ และเครื่องมือบริการลูกค้า คุณสามารถปรับแต่งการตั้งค่า สร้างฟิลด์ที่กำหนดเอง และตั้งค่าแดชบอร์ดเพื่อให้แต่ละทีมสามารถดูข้อมูลเมตริกที่สำคัญได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
การปรับ CRM ของคุณ ในช่วงเริ่มต้นถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ CRM ที่ช่วยประหยัดเวลา เนื่องจากทีมของคุณไม่ต้องไปสืนค้นในสเปรดชีตหรือค้นหาในระบบที่ไม่เชื่อมต่อกันเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการเพื่อให้การทำงานออกมาดี
แต่ละทีมต้องการการตั้งค่าที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเรียนรู้ว่าพวกเขาต้องการจับตาดูเมตริกใดอย่างใกล้ชิด ตัวอย่างเช่น ทีมการตลาดของคุณสามารถตั้งค่าแดชบอร์ดใน CRM เพื่อดูข้อมูลเมตริกอีเมลอย่างง่าย เช่น อัตราการเปิด อัตราการคลิกผ่าน และอื่นๆ คุณสามารถปรับแต่งแดชบอร์ดสำหรับทีมบริการของคุณได้ เพื่อให้พวกเขาสามารถดูข้อมูลสำคัญต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว เช่น เวลาจัดการโดยเฉลี่ย การแก้ไขปัญหาตั้งแต่การติดต่อครั้งแรก หรือคะแนนความพึงพอใจของลูกค้า
CRM เช่น Salesforce มีความสามารถในการปรับขนาดและความยืดหยุ่นในการปรับตัวตามการเติบโตของบริษัทคุณ เมื่อเวลาผ่านไป คุณสามารถเพิ่มหรือลบฟีเจอร์ต่างๆ ตามความต้องการและเป้าหมายได้ ซึ่งคุณจะจ่ายเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการเท่านั้น
รับแผนงานที่ปฏิบัติได้จริงสำหรับการเปลี่ยนแปลงศักยภาพด้าน AI ให้กลายเป็นความจริงทางธุรกิจ
เมื่อคุณปรับแต่ง CRM ให้ตรงตามข้อกำหนดแล้ว ก็ถึงเวลาตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานของคุณได้รับการฝึกอบรมที่เหมาะสมก่อนจะเริ่มใช้งาน พาร์ทเนอร์ด้านการปรับใช้งาน สามารถช่วยเหลือในเรื่องนี้ได้โดยให้การฝึกอบรมภาคปฏิบัติ เอกสารประกอบ คำแนะนำ และกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทอื่นๆ ใช้ CRM อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
เมื่อกระบวนการใช้งานเสร็จสิ้นแล้ว ให้รักษาช่วงเวลานั้นไว้เพื่อให้การใช้ CRM กลายเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับทีมของคุณ สิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการ คือทีมของคุณต้องกลับไปใช้สเปรดชีตหรือระบบที่ไม่มีการเชื่อมต่อกัน เนื่องจากสมาชิกไม่เข้าใจถึงคุณค่าของการใช้ CRM เป็นประจำ ท้ายที่สุดแล้ว CRM ของคุณจะดีได้ก็ต่อเมื่อมีคนใช้งานเท่านั้นเอง
กำหนดให้เป็นนโยบายของบริษัทว่าลูกค้ารายใหม่ทุกคนจะต้องได้รับการประมวลผลผ่าน CRM โดยไม่มีข้อยกเว้น การบังคับใช้ระบบ CRM อย่างถูกต้องในทันทีหลังจากติดตั้ง จะทำให้คุณสามารถรมั่นใจในการเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่นยิ่งขึ้น และทีมก็จะมีความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น
การให้ความรู้และการฝึกอบรมที่เหมาะสม จะทำให้ทีมของคุณเข้าใจตรงกัน จัดระเบียบได้ และสื่อสารกันได้ดีขึ้น CRM กลายเป็นแหล่งข้อมูลเดียวที่เชื่อมโยงทั้งบริษัทเข้าไว้ด้วยข้อมูลเดียวกัน
แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดประการหนึ่งของ CRM สำหรับการนำมาใช้คือการสร้างแผนการฝึกอบรมที่มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องผ่านโปรแกรม เช่น Trailhead สถานที่ง่ายๆ ในการเริ่มต้นคือหลักสูตร CRM นี้ คุณสามารถสร้างแผนสรุปที่ใช้งานง่ายสำหรับส่วนที่ใช้บ่อยที่สุดของ CRM ได้ รวมการวิจารณ์ CRM ไว้ในการประชุมติดตามสถานะของทีม ตรวจสอบกับสมาชิกแต่ละคนในบริษัทเพื่อดูว่าแต่ละคนปรับตัวเข้ากับ CRM อย่างไร และกำหนดเมตริกและเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อติดตามการนำไปใช้ เช่น เปอร์เซ็นต์ของคนที่ใช้หรือโปรเจ็กต์ที่เข้าสู่ CRM
CRM ได้รับการออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือธุรกิจของคุณโดยทำหน้าที่สำคัญต่างๆ มากมายเมื่อต้องสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เมื่อคุณมี CRM ที่มีระบบอัตโนมัติ และ AI ในตัว คุณก็จะเห็นถึงประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งบริษัท
ระบบอัตโนมัติ คือกระบวนการที่ทำงานให้เสร็จสิ้นโดยอัตโนมัติซึ่งมีการป้อนข้อมูลจากมนุษย์น้อยที่สุด ซึ่งช่วยให้พนักงานทำงานเสร็จได้เร็วขึ้น หากทีมของคุณมีเวิร์กโฟลว์ที่ทำซ้ำทุกวัน ระบบอัตโนมัติจะช่วยจัดการกับงานที่น่าเบื่อเหล่านั้นได้ ช่วยให้พนักงานของคุณมีเวลาว่างมากขึ้นเพื่อมุ่งเน้นไปที่การดูแลแบบเฉพาะบุคคลที่ลูกค้าคาดหวัง
ตัวอย่างเช่น ทีมขายสามารถจัดการลูกค้าเป้าหมายแบบอัตโนมัติได้ เมื่อป้อนข้อมูลลูกค้าเป้าหมายลงในระบบแล้ว คุณสามารถตั้งกฎให้ส่งอีเมลติดตามผลโดยอัตโนมัติหลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในการขายไป ขณะเดียวกัน ทีมการค้าก็สามารถสร้างระบบอัตโนมัติที่ส่งการแจ้งเตือนภายในแอป หากผู้ซื้อทิ้งสินค้าไว้ในรถเข็นตามระยะเวลาที่กำหนด
AI ที่เชื่อถือได้ยกระดับระบบอัตโนมัติไปอีกขั้นด้วยการให้คะแนนอัตโนมัติจากประวัติของลูกค้าเป้าหมายและการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคโดยรวม เพื่อระบุว่าลูกค้าเป้าหมายรายใดมีโอกาสปิดการขายหรือสร้างรายได้มากที่สุด AI CRM ดึงข้อมูลลูกค้าของคุณอย่างปลอดภัยเพื่อแสดงข้อมูลเชิงลึกโดยอัตโนมัติ เช่น ข้อมูลที่ทีมการตลาด การขาย และการบริการของคุณสามารถใช้เพื่อขับเคลื่อนลูกค้าเป้าหมายไปสู่ขั้นตอนถัดไปได้
เราพบว่าบริษัทต่างๆ มีรายได้เพิ่มขึ้น 30% หลังจากนำ AI CRM มาใช้ รวมถึงแก้ไขปัญหาได้เร็วขึ้น 29%
AI CRM สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกโดยอิงจากข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่แล้วได้ คุณจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลนั้นสะอาด เป็นระเบียบ (อยู่ในที่เดียว ไม่ใช่ในแอปแยกต่างหาก) และถูกต้องแม่นยำ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การทำความสะอาดข้อมูลคือกระบวนการแก้ไขหรือลบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เสียหาย จัดรูปแบบไม่ถูกต้อง ซ้ำซ้อน หรือไม่สมบูรณ์ภายในชุดข้อมูล เป็นหนึ่งในแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดของ CRM ที่ต้องปฏิบัติตาม ด้วย AI CRM ที่สร้างข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูลลูกค้า การทำให้แน่ใจว่าข้อมูลสะอาดจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดีขึ้นโดยอิงจากข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่สะอาดก็จะทำอะไรได้ไม่มากนัก หากถูกเก็บไว้ในแอปที่ไม่ได้เชื่อมต่อกัน CRM จะช่วยทำลายไซโลเหล่านั้นลง และมอบแหล่งข้อมูลเดียวให้กับคุณ ซึ่งทั้งองค์กรสามารถเชื่อถือได้
คุณสามารถ สร้างกระบวนการ สำหรับทำความสะอาดข้อมูลลูกค้าเป็นประจำ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าทีมของคุณดำเนินการตรวจสอบความไม่ถูกต้องอย่างต่อเนื่องเมื่อมีการเพิ่มข้อมูลเพิ่มเติมลงใน CRM เพื่อความถูกต้องแม่นยำที่มากขึ้น
หากข้อมูลของคุณไม่ได้รับการจัดระเบียบ ข้อมูลเชิงลึกที่บริษัทของคุณนำไปใช้ก็อาจไม่ถูกต้อง เราพบว่ามีเพียง 35% ของมืออาชีพด้านการขายเท่านั้นที่ไว้วางใจความถูกต้องของข้อมูลขององค์กรอย่างเต็มเปี่ยม วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหานี้คือการเก็บข้อมูลลูกค้าของคุณไว้ในแพลตฟอร์มข้อมูลเพียงแห่งเดียว เพื่อให้ทีมของคุณมีมุมมองแบบรวมศูนย์แบบเดียวกัน
ลงมือปฏิบัติจริงกับผลิตภัณฑ์ของเรา และสำรวจกรณีการใช้งานจริงและโซลูชันที่สร้างขึ้นสำหรับองค์กรตัวแทน
หากตัวแทนฝ่ายขายของคุณใช้แพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้าที่แตกต่างจากทีมบริการหรือแผนกการตลาด คุณจะมีข้อมูลที่ขัดแย้งหรือซ้ำซ้อนสำหรับลูกค้ารายเดียวกัน การที่ทุกคนใช้ระบบของตัวเองทำให้การพยายามอ่านข้อมูลเส้นทางลูกค้าอย่างถูกต้องแม่นยำอาจเป็นเรื่องที่วุ่นวายได้ สิ่งนี้อาจนำไปสู่สถานการณ์ที่น่าอาย เช่น การโทรขายผลิตภัณฑ์กับผู้ที่ได้ซื้อไปแล้ว การติดตามการสอบถามบริการที่ได้รับการจัดการไปแล้ว หรือการจัดส่งผลิตภัณฑ์ไปยังจุดหมายปลายทางที่ไม่ถูกต้อง
คุณสามารถนำทุกอย่างมารวมกันได้ด้วยเครื่องมือการทำงานร่วมกัน เช่น Slack ซึ่งช่วยให้ทีมสื่อสารกับลูกค้าและสื่อสารกันเองได้อย่างง่ายดาย ท้ายที่สุด ตัวแทนบริการ 80% กล่าวว่าการเข้าถึงข้อมูลของแผนกอื่นๆ ได้ดีขึ้นจะช่วยปรับปรุงการทำงานของตน
CRM ทำให้ตัวแทนขายสามารถเข้าถึงประวัติการซื้อของลูกค้าได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่ AI สามารถดึงข้อมูลที่ปลอดภัยเพื่อแนะนำการซื้อเพิ่มเติมที่สามารถต่อยอดการขายได้ ตัวแทนบริการสามารถดูบันทึกการโต้ตอบการขาย ทำให้ทราบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับลูกค้าได้ทันที ทีมการตลาด สามารถดูได้ว่าผู้คนซื้อและมีส่วนร่วมกับผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างไร แล้วจึงสามารถสร้างข้อความที่ดึงดูดใจได้
แนวทางปฏิบัติดีที่สุดของ CRM เหล่านี้ จะทำให้ความสัมพันธ์กับลูกค้าและธุรกิจของคุณเติบโตและเจริญรุ่งเรืองได้ในแนวทางใหม่ๆ พนักงานของคุณจะมีประสิทธิผลมากขึ้น ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่ความท้าทายทางธุรกิจที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ ลูกค้าของคุณจะได้รับข้อเสนอที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น คำแนะนำ การบริการ และความเอาใจใส่ตลอดเส้นทาง เริ่มต้นด้วยการรวบรวมข้อมูลลูกค้าของคุณไว้ในแหล่งเดียวเพื่อช่วยให้บริษัทของคุณก้าวไปข้างหน้า
Justin Lafferty เป็นนักเขียนและบรรณาธิการที่อาศัยอยู่ในลาสเวกัส ปัจจุบันดำรงตำแหน่งบรรณาธิการอาวุโสที่ Salesforce ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอนนักเขียนและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ SEO เขาเคยเขียนบทความให้กับ Adweek, Las Vegas Review-Journal, San Diego Union-Tribune, East Bay Times และสื่ออื่นๆ อีกมากมาย
ทดลองใช้ Salesforce CRM ฟรีเป็นเวลา 30 วัน ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต ไม่มีอะไรต้องติดตั้ง
คุณสามารถสอบถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Salesforce ราคา การนำไปใช้งาน หรือสิ่งอื่นใดได้ พนักงานที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดีของเราพร้อมที่จะช่วยเหลือคุณเสมอ
รับผลการวิจัยล่าสุด ข้อมูลเชิงลึกของอุตสาหกรรม และข่าวสารด้านผลิตภัณฑ์ที่ส่งตรงไปยังกล่องข้อความของคุณ